top of page
ค้นหา

ทำไมออกกำลังกายบ่อยแล้วยังเป็นสโตรก (Stroke)

  • Admin
  • 20 พ.ย.
  • ยาว 2 นาที

อัปเดตเมื่อ 20 พ.ย.

ในบรรดาโรคที่ใกล้ตัวคนยุคปัจจุบัน มีโรคหนึ่งที่พบได้กะทันหัน คือสโตรกหรือโรคหลอดเลือดสมองแตก


นางพยาบาลกำลังตรวจคนไข้ชายที่ลุกจากเตียงไม่ได้เพราะเป็นสโตรก ทั้งคู่อยู่ในห้องนอนรวมของโรงพยาบาล

เรามักได้ยินอยู่เรื่อยๆ ว่า คนที่แข็งแรงดี ออกกำลังกายเป็นประจำ หรือเป็นนักวิ่ง อยู่ดีๆ กลับล้มลงไป รู้ตัวอีกทีก็นำตัวส่งโรงพยาบาลเสียแล้ว มีคนใกล้ตัวแอดมินเป็นโรคสโตรกในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน เหตุการณ์นี้ไม่น่าแปลกใจเท่าใดนัก เนื่องจากสโตรกเป็นโรคที่มีปัจจัยหลายอย่าง การออกกำลังกายไม่สามารถป้องกันสโตรกได้ 100%


ทำความเข้าใจกับสโตรก (Stroke)


สโตรก เดิมทีในภาษาไทยนิยมเรียกว่าโรคหลอดเลือดสมอง แต่ชื่อนี้ก่อให้เกิดความสับสนระหว่างอาการที่เกี่ยวข้องกัน ปัจจุบันนิยมทับศัพท์ว่าสโตรกมากกว่า


สโตรกเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ เกิดจากสมองขาดเลือดเฉียบพลันจากสาเหตุต่างๆ สโตรกแบ่งจำแนกประเภทอย่างกว้างๆ ได้ดังนี้


1.      หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic Stroke) เกิดจากสารต่างๆ ในร่างกายกีดขวางการไหลเวียนของเลือดในสมอง อาจเกิดได้จากไขมันและคลอเรสเตอรอลสะสมในเส้นเลือด เกล็ดเลือดสะสมผิดปกติ ภาวะหลอดเลือดแข็ง (Atherosclerosis) อาการหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation หรือ AFib) ก็เป็นสาเหตุได้เช่นกัน ผู้ป่วยสโตรกกว่า 87% เป็นประเภทหลอดเลือดสมองตีบ


2.      หลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) เกิดขึ้นเมื่อมีเส้นเลือดในสมองแตก หรือฉีกขาดด้วยสาเหตุต่างๆ เช่นเส้นเลือดในสมองโป่งพอง เนื้องอกในสมอง ความดันโลหิตสูงทำให้เลือดไหลเวียนเร็วขึ้นและส่งผลให้ผนังเส้นเลือดฉีกขาดออก ความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุที่สำคัญประการหนึ่งของหลอดเลือดในสมองแตก


ไม่ว่าจะเป็นสโตรกประเภทใดก็ตาม การออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงได้เสมอ สมาคมสโตรกโลก (World Stroke Organization) ให้คำแนะนำว่าควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที 5 ครั้ง/สัปดาห์เพื่อป้องกันสโตรก


อย่างไรก็ตาม เรากลับเห็นได้ว่ามีคนแข็งแรง ออกกำลังกายเป็นประจำจำนวนไม่น้อยต้องเสียชีวิตหรือเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาตเพราะสโตรก เพื่อป้องกันโรคนี้อย่างรอบด้าน


ชายหญิงสูงวัย ผมสีขาวโพลนกำลังกอดกันบนชายหาดสีคราม

ปัจจัยที่แก้ไขไม่ได้: เพศและอายุ


ยิ่งคนเราอายุมากขึ้น ความเสี่ยงสโตรกยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย พร้อมๆ กับปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดสโตรก ทั้งไขมันดี (LDL) ไขมันเลว (HDL) และความดันโลหิต งานวิจัยต่างๆ เองก็ระบุว่า เพศสัมพันธ์กับโอกาสเกิดสโตรก โดยผู้หญิงมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชายเล็กน้อย งานวิจัยของโครงการ MORGRAM ซึ่งใช้เวลาวิจัยยาวนานเกินกว่า 20 ปี(1982 – 2014) ติดตามประชาชนยุโรป 8 ประเทศ 93,695 คน ระบุแน่ชัดว่า อายุที่เพิ่มมากขึ้นหนึ่งปี ทำให้ผู้ชายมีความเสี่ยงสโตรกมากขึ้น 9% ในขณะที่ผู้หญิงเสี่ยงมากขึ้น 10% นอกจากนั้น ผู้หญิงยังเสี่ยงมากกว่าในขณะที่อายุยังน้อย ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการตั้งครรภ์ ภาวะหลังการตั้งครรภ์ และการใช้ยาคุมฮอร์โมนชนิดต่างๆ เมื่ออายุสูงขึ้น ผู้ชายกลับเป็นโรคมากกว่า

หลังอายุ 45 ปี ความเสี่ยงของหลอดเลือดในสมองแตกจะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน


เกลียวของดีเอนเอที่ถูกขยายให้เห็นได้ชัดขึ้น บ่งบอกถึงลักษณะพันธุกรรมที่ทำให้เกิดสโตรก

ปัจจัยที่แก้ไขไม่ได้: กรรมพันธุ์และความเสี่ยงสโตรก


ปัจจุบันความเข้าใจเรื่องกรรมพันธุ์ของวงการแพทย์มีสูงขึ้น มีการทำการวิจัยเกี่ยวกับยีนส์ และมีการทดสอบยีนส์เพื่อหาความเสี่ยงในการเป็นสโตรก ทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยสโตรกชนิดย่อยบางชนิดได้ละเอียดมากขึ้น โรคที่ตกทอดทางกรรมพันธุ์ เช่นโรคเบาหวาน ก็ทำให้ความเสี่ยงสูงขึ้นไปตามกัน

ลักษณะทางพันธุกรรมต่อไปนี้ ทำให้ความเสี่ยงสโตรกเพิ่มขึ้น


1.      โรคแฟเบร (Fabry Disease)

2.      กลุ่มอาการมาร์แฟน (Marfan Syndrome)

3.      โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (Sickle-cell Disease)


ไม่เพียงแค่นี้ ปัจจุบันการแพทย์สามารถเจาะจงยีนส์บางตัวที่เพิ่มความเสี่ยงได้แล้วด้วย เช่นยีนส์ ZFHX3 เพิ่มความเสี่ยง AFib ยีนส์ HDAC9 เพิ่มความเสี่ยงภาวะหลอดเลือดแข็ง (Atherosclerosis) ปัจจุบันยังพบว่า สโตรกอาจเป็นโรคติดต่อทางพันธุกรรมโดยตรง ข้อเท็จจริงนี้ยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติม


ผู้มีอาการทางพันธุกรรมเหล่านี้ ควรเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้อื่นๆ มากกว่าคนทั่วไป ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี และเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

 

ขวดไวน์เรียงกันเป็นแถว

ปัจจัยที่ควบคุมได้: บุหรี่และแอลกอฮอล์


การบริโภคแอลกอฮอล์มีผลต่อสโตรกอย่างเห็นได้ชัด เดิมทีเคยมีงานวิจัยระบุว่า การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณน้อยเป็นผลดีต่อหลอดเลือดในสมองตีบ แอลกอฮอล์ปริมาณเท่าใดก็ตามมีผลเพิ่มความเสี่ยงหลอดเลือดในสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) อย่างไรก็ตาม งานวิจัยใหม่ๆ ทำให้ทางการแพทย์มีความเห็นว่า ไม่มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่ปลอดภัย แนวทางปฏิบัติล่าสุดของสมาคมหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (American Heart Association) ระบุว่า การบริโภคแอลกอฮอล์ทำให้ความดันโลหิตสูงอย่างชัดเจน


การสูบบุหรี่เองก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดสโตรกเช่นกัน งานวิจัยจากโครงการ MORGRAM พบว่า เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่แล้ว ผู้หญิงมีความเสี่ยงสโตรกมากขึ้น 104% ในขณะที่ผู้ชายเสี่ยงมากขึ้น 82% การรับควันบุหรี่มือสองเพิ่มความเสี่ยง 30% บุหรี่เป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดสาเหตุหนึ่งของโรคหลอดเลือดในสมอง มีการประเมินว่า บุหรี่เป็นสาเหตุของสโตรกที่เกิดขึ้นทั้งหมดประมาณ 15% และต้องหยุดสูบบุหรี่เวลา 2-4 ปี ความเสี่ยงสโตรกของผู้เคยสูบบุหรี่ถึงจะลดลงเท่าคนทั่วไป

 

อาหารที่่ดีต่อความดันโลหิตและน้ำตาลในเลือดวางบนถาดอย่างเป็นระเบียบ มีถั่วอัลมอนด์ เนื้อปลาแซลมอน สตรอเบอรี ไข่ไก่

ปัจจัยที่ควบคุมได้: อาหาร


โรคเรื้อรังต่างๆ ที่เกิดจากวิถีชีวิตปัจจุบัน อาหารการกินและการใช้ชีวิตแบบขยับตัวน้อยทำให้คนป่วยเป็นโรคเรื้อรังที่สามารถป้องกันได้มากมาย โรคที่มีต้นตอจากอาหารเหล่านี้ทำให้ความเสี่ยงสโตรกเพิ่มขึ้น การออกกำลังการไม่สามารถชดเชยการบริโภคได้โดยสิ้นเชิง ไขมัน LDL ที่ถูกเรียกว่าไขมันเลวมีผลทำให้เกิดภาวะไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidermia) ควรหลีกเลี่ยงเนื้อหมูติดมัน เนื้อวัวติดมัน เนื้อสัตว์ที่มีไขมันมาก อาหารทอด เปลี่ยนไปทานโปรตีนที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์สูงเช่นเนื้อปลา เต้าหู้ รวมถึงปรับเป็นทานแป้งที่มีไฟเบอร์สูงเช่นข้าวโอ๊ต


ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสโตรกที่สำคัญที่สุด สโตรก 54% มีสาเหตุมาจากความดันโลหิตสูง ซึ่งมีเกณฑ์อยู่ที่ 160/90 mmHg ในคนทั่วไป แม้ว่าความดันจะยังไม่เข้าเกณฑ์ความดันโลหิตสูง แต่ความดันยิ่งสูงยิ่งเสี่ยงสโตรก น้ำหนัก บุหรี่ และแอลกอฮอล์ล้วนมีผลทำให้ความดันโลหิตสูง นอกจากนั้น อาหารที่มีผลต่อความดันโลหิตได้แก่ อาหารโซเดียมสูง ชะเอมเทศ เป็นต้น


โรคเบาหวานทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงเป็นสโตรกมากขึ้น ลดอาหารน้ำตาลสูง เครื่องดื่มหวานๆ น้ำอัดลม น้ำปั่น ข้าวขาว และหันมาทานผักใบเขียว คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเช่นข้าวกล้อง แป้งโฮลวีตให้มากขึ้น นอกจากนั้นเริ่มมีงานวิจัยระบุว่า อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (low-GI food) เช่นข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้างบาร์เลย์ บร็อกโคลี แอปเปิ้ล ช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้เช่นกัน


กล่าวโดยสรุป การทานอาหารเพื่อลดความเสี่ยงสโตรกสามารถทำได้โดยง่าย เพียงทานแป้ง อาหารหวาน และอาหารไขมันสูง หันมารับประทานผักใบเขียวกับคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนให้มากขึ้น ช่วยป้องกันทั้งโรคเรื้อรังต่างๆ และสโตรก ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีเพื่อหาความเสี่ยงของโรคต่างๆ และปรับการทานอาหารให้เหมาะสมยิ่งขึ้น


พยาบาลกำลังวัดความดันโลหิตให้ผู้ป่วยสูงวัยด้วยเครื่องวัดความดันโลหิต ทั้งอยู่ในโรงพยาบาล

โรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib)


ทางการแพทย์ยืนยันมานานแล้วว่า โรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ (Arrhythmia) มีความสัมพันธ์กับสโตรกอย่างชัดเจน ผู้มีอาการสโตรกจำนวนมากพบอาการ AFib และผู้ป่วย AFib จำนวนมากเป็นสโตรก ในปัจจุบัน องค์กร Heart & Stroke ของแคนาดายังคงคำเตือนไว้ว่า ผู้ป่วย AFib เสียงเป็นสโตรกมากกว่าคนทั่วไป 3-5 เท่า อย่างไรก็ตาม งานวิจัยช่วงหลัง กลับพบว่าสโตรกอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิด AFib


ปัจจุบันจึงมีแนวคิดให้ตรวจหาหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว ในฐานะสัญญาณเตือนสโตรกที่สำคัญ AFib ปัจจุบันผู้บริโภคสามารถตรวจหา AFib ได้ง่ายขึ้น สมาร์ตวอตช์หลายรุ่นสามารถตรวจพบ AFib ได้แล้ว เครื่องวัดความดันโลหิตหลายรุ่นในท้องตลาดก็สามารถตรวจหา AFib และโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะโรคอื่นๆ ได้เช่นเดียวกัน


สรุป


การออกกำลังกายไม่สามารถกำจัดปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดของสโตรกออกไปได้ นอกจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อย่างเพศ อายุ และกรรมพันธุ์แล้ว การใช้ชีวิตและการควบคุมอาหารยังคงเป็นการป้องกันสโตรกที่ดีที่สุด ผู้ที่ต้องเฝ้าระวังสโตรก เนื่องจากความเสี่ยงต่างๆ เช่นวัย ความดันโลหิตสูง ควรงดบุหรี่ แอลกอฮอล์ ทานอาหารที่ใส่น้ำตาลเพิ่มให้น้อย ลดอาหารไขมันสูงและไขมันทรานส์ ทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนทดแทนข้าวสวยและขนมปังขวา และที่สำคัญ ควรวัดความดันโลหิตเป็นประจำ เพื่อตรวจความดันโลหิตสูง และตรวจหาอาการหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib) อย่างสม่ำเสมอ


Rossmax เครื่องวัดความดัน Z5 หน้าจอสีเทา สามารถตรวจจับภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fabrillation) และภาวะหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ (Premature Contraction)

บรรณานุกรม



 
 

บริษัท เซอร์ไคล์ฟ จำกัด

63 ถ.บรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170

เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์ 8.00 - 18.00 น. เสาร์ 9.00 - 17.00 น.

โทร. 02-804-1000 นอกเวลาทำการ โทร. 084-456-8844

ฟอร์คิวไลฟ์ ฟาร์มาซี

1419 ถ. กาญจนาภิเษก แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร

เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ 8.00 - 19.00 เสาร์ 9.00-17.00 ปิดให้บริการวันอาทิตย์

โทร. 02-804-1467

ชมตัวอย่างสินค้า และรับบริการหลังการขายได้ที่ร้านขายยาชั้นนำทั่วกรุงเทพฯ

  • Facebook
  • line@image
เซอร์ไคล์ฟได้รับมาตรฐาน ISO9001:2015

Circlife Co. Ltd. Provider of Healthcare and Medical Equipment in Thailand

©2023 by Circlife. Proudly created with Wix.com

bottom of page