น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ล (Apple Cider Vinegar) ช่วยเบาหวานจริงไหม? เกี่ยวอะไรกับหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- Admin
- 12 นาทีที่ผ่านมา
- ยาว 2 นาที
ปัจจุบันมีกระแสการบริโภคอาหารเสริมเพื่อป้องกันโรคเบาหวาน น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ (Apple Cider Vinegar หรือ ACV) เองก็เป็นอาหารอย่างหนึ่งที่คนหันมาบริโภคเพื่อลดน้ำหนัก และป้องกันเบาหวานมากขึ้นเช่นกัน ไม่กี่วันมานี้แอดมินยังเห็นกระแสในแอพพลิเคชันต่างๆ เล่าประสบการณ์การทาน ACV ของตัวเองเพื่อลดน้ำ ชื่ออาหาร Apple Cider Vinegar ก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นน้ำส้มสายชูชนิดหนึ่ง แค่ทานน้ำส้มสายชูช่วยเบาหวานได้ จริงหรือไม่ แล้วมีข่าวว่ามีคนทานจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเป็นหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) เป็นไปได้หรือไม่ ทานน้ำส้มสายชูแล้วไม่ต้องใช้เครื่องวัดนำตาลแล้วหรือ บทความนี้จะนำหลักฐานต่างๆ มาแสดงให้เห็น

อะไรคือน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ (Apple Cider Vinegar)
น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์เป็นน้ำส้มสายชูชนิดหนึ่งหมักจากน้ำแอปเปิ้ล ผลิตโดยการคั้นน้ำแอปเปิ้ล จากนั้นหมักด้วยยีสต์กับน้ำตาล เมื่อยีสต์แปรรูปน้ำตาลกับแอลกอฮอล์หมดไป ผลผลิตที่ได้เรียกว่าน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ (Apple Cider Vinegar หรือ ACV) ACV เป็นของเหลวสีอำไพสวยงาม ปัจจุบันเป็นเครื่องปรุงที่หาซื้อได้ง่าย สามารถซื้อได้ในซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป มีทั้งชนิดยังไม่ได้กรองที่อาจมีตะกอนขุ่นๆ อยู่ก้นขวด กับชนิดกรองแล้ว มีสีอำพันใสไม่มีตะกอน สำหรับคนไทย ระวังสับสนระหว่างน้ำส้มสายชูไซเดอร์ กับไซเดอร์ (cider) ซึ่งหมายถึงเบียร์หมักจากน้ำแอปเปิ้ล
น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์เป็นน้ำส้มสายชูที่ถือกันว่าอร่อยกว่าน้ำส้มสายชูชนิดอื่นๆ มีรสชาติเปรี้ยวเข้มข้น อมหวานนิดๆ ได้กลิ่นผลไม้ มีประวัติการใช้ในครัวเรือนมายาวนาน ตัวอย่างอาหารที่ทำด้วยน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ เช่น
1. น้ำสลัด เช่นวิเนเกร็ต หรือทำโคลสลอว์
2. ผักดอง เช่นแตงกวาดอง
3. ไก่ ใช้หมักไก่ หรือทำซอสบาร์บีคิว
4. สตูว์ ใช้ปรุงรสสตูว์ชนิดต่างๆ
5. ผสมเครื่องดื่ม
ส่วนประกอบของน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ (Apple Cider Vinegar)
เช่นเดียวกับน้ำส้มสายชูประเภทอื่นๆ ACV มีส่วนประกอบหลักได้แก่น้ำกับกรดอะซีติก (acetic acid) หรือที่เรียกกันว่ากรดน้ำส้ม กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริการะบุส่วนประกอบเฉลี่ยของน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ไว้ดังนี้
1. น้ำ 94%
2. กรดอะซีติก 5%
3. คาร์โบไฮเดรตต่างๆ 1% (กลูโคส ฟรุคโตส)
4. นอกจากนั้นเป็นวิตามินและแร่ธาตุอื่นในปริมาณน้อย เช่น กรดอะมิโน โพแทสเซียม แคลเซียม โซเดียม
สารอาหารอื่นๆ เหล่านี้ และองค์ประกอบตามธรรมชาติของแอปเปิ้ล ทำให้น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์มีรสชาติแตกต่างจากน้ำส้มสายชูชนิดอื่นๆ เช่นน้ำส้มสายชูดอกมะพร้าว น้ำส้มสายชูข้าวหมัก ความแตกต่างนี้เองนำไปสู่การใช้งานที่แตกต่างกัน และทำให้เกิดการวิจัยประโยชน์ทางสุขภาพของ ACV ตามมา

ช่วยเบาหวาน (diabetes) ได้จริง!
น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์เป็นอาหารในหลายวัฒนธรรม แพร่หลายตามการเพาะปลูกแอปเปิ้ล ในหลายๆ ประเทศจึงมีการใช้ ACV เป็นยามาเป็นเวลานาน ในระยะหลัง มีการโฆษณาว่า ACV สามารถลดน้ำตาล และช่วยผู้ป่วยเบาหวานได้ ตั้งแต่ช่วงปี 2020 มีงานวิจัยการวิเคราะห์อภิมาน (Meta-analysis) หลายชิ้นเกี่ยวกับน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ ทำให้กล่าวได้ว่า Apple Cider Vinegar มีผลดีช่วยป้องกันโรคเบาหวาน และช่วยรักษาโรคเบาหวานเล็กน้อย ปริมาณโดสที่ปลอดภัยคือการบริโภค 1-2 ช้อนโต๊ะต่อวัน (15 – 30 มิลลิลิตร/วัน)
1. จากงานวิจัยหัวข้อน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์กับองค์ประกอบร่างกายของผู้มีภาวะอ้วนหรือมีภาวะเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่า ACV ช่วยลดน้ำหนัก ลด BMI (Body Mass Index) ลดเส้นรอบวงเอวได้จริง
2. จากงานวิจัยหัวข้อน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์กับไขมันในเลือด (lipid profile) และดัชนีน้ำตาล (glycemic parameters) วิเคราะห์จากงานวิจัย 9 ชิ้น พบว่าการบริโภคติดกันวันละ 15 มิลลิตรเป็นเวลา 8 สัปดาห์ขึ้นไปติดต่อกัน มีคอเลสเตอรอลรวมลดลง มีน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร (fasting plasma glucose) ลดลง และมีน้ำตาลในเลือดสะสม (การตรวจ HbA1C) ลดลง
อย่างไรก็ตาม การทดลองเหล่านี้ยังมีข้อจำกัดอยู่ไม่น้อย เช่น ยังไม่มีการศึกษาเรื่องปริมาณของน้ำส้มสายชูที่เหมาะสมแก่การบริโภคโดยไม่เกิดผลเสียต่อร่างกาย อีกทั้งระเบียบวิธีวิจัยไม่สม่ำเสมอ การทดลองแต่ละชิ้นเองให้ผู้เข้าร่วมการทดลองรับประทาน ACV ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน บางงานทดลองโดยผสมน้ำเปล่า บางงานทดลองโดยการให้รับประทานน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ไม่ผสมอะไรเลย

หัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) และข้อเสียของน้ำส้มสายชู
งานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลทดสอบประสิทธิภาพของน้ำส้มสายชูชนิดต่างๆ ในการลดเส้นรอบวงเอว และเส้นรอบวงสะโพกในผู้เข้าร่วมการทดลอง 40 คน แต่กลับมีผู้เข้าร่วมการวิจัยบางคนต้องถอนตัวออกไปก่อนเนื่องจากการบริโภคน้ำส้มสายชูผสมน้ำติดต่อกันทำให้เกิดอาการแสบคอและกรดไหลย้อน
มีกระแสการพูดคุยในอินเตอร์เน็ตไทยว่า ตนเองทานน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์มากเกินไป จนตัวเองต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เรื่องนี้มีมูลหรือไม่
คำตอบคือ เป็นไปได้ มีกรณีศึกษาเกิดขึ้นในตุรกี เมื่อปี 2012 ผู้ป่วย 2 รายต้องแอดมิทเข้าโรงพยาบาลเพราะหัวใจวายจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) แบบ ventricular fibrillation ทั้งสองคนมีประวัติโรคคล้ายกัน คือใช้ยาขับปัสสาวะ (diuretics) ร่วมกับการดื่ม ACV ปริมาณมาก เพราะรับการรักษาแบบทางเลือกโดยใช้น้ำส้มสายชู
ทั้งนี้ เป็นเพราะว่ากรดอะซีติกลดโพแทสเซียมในร่างกาย ยาขับปัสสาวะก็มีฤทธิ์ลดโพแทสเซียมเช่นกัน โพแทสเซียมมีส่วนช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจ เมื่อเกิดภาวะโพแทสเซียมขาดแคลน (hypokalemia) อย่างรวดเร็วจึงเป็นสาเหตุให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะและหัวใจวายในที่สุด
นอกจากนั้น ยังมีผลข้างเคียงที่พบบ่อยกว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะ ได้แก่ฟันผุกร่อน การทดลองนอกร่างกายมนุษย์พบว่าการดื่ม ACV ทำให้สารเคลือนฟันผุได้อย่างรวดเร็ว เห็นได้ว่า น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ ไม่สามารถทานโดยไม่คำนึงถึงผลข้างเคียง ปัจจุบันคำแนะนำในการบริโภค ACV เป็นอาหารเสริมโดยไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรง ให้บริโภค 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ 1 ถ้วย ไม่เกิน 2 ครั้งต่อวัน หลังรับประทานให้บ้วนปากทันที

สรุป
น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ช่วยเบาหวานได้จริง แต่ต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เข้าใจกลไกการทำงานของน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลวิเนการ์ และไม่เข้าใจว่าทำไมน้ำส้มแอปเปิ้ลถึงมีประโยชน์แตกต่างจากน้ำส้มชนิดอื่นๆ ในท้องตลาด นอกจากนั้น แอปเปิ้ลไซเดอร์วิเนการ์ (Apple Cider Vinegar) รูปแบบเม็ดที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน บางยี่ห้อมีขนาดโดสเพียง 1-2 กรัมต่อเม็ดเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าปริมาณที่ใช้ในการทดลอง (15 มล.) หลายเท่าตัว ด้วยสาเหตุหลายๆ อย่างประกอบกัน ผู้เชี่ยวชาญบางคนจึงให้ความเห็นว่าเมื่อชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว ไม่แนะนำให้ทานน้ำส้มสายชูเป็นอาหารเสริม ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนปรับการกินอาหารของตนเอง โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคหัวใจ ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับโพแทสเซียมในร่างกาย ผู้ใช้ยารักษาโรคเบาหวานและอินซูลิน ผู้ใช้ยากลุ่ม Digoxin และผู้ใช้ยาขับปัสสาวะ
และสิ่งที่สำคัญที่สุดของการป้องกันโรคเรื้อรังอย่างเบาหวาน คือการหมั่นตรวจน้ำตาลในเลือดเป็นระยะ เลือกเครื่องตรวจน้ำตาลที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือเท่านั้น




